ความเชื่อโบราณเกี่ยวกับแม่และเด็ก กับ ความจริงที่ต้องรู้

  คุณแม่หลายๆ ท่านคงเคยได้ยินความเชื่อต่างๆ ที่คนโบราณได้คอยบอก คอยเตือน หรือแนะนำกันมาบ้างใช่มั้ยคะ เคยสงสัยมั้ยคะ ว่าความเชื่อนั้นๆ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า มีหลักวิทยาศาสตร์อ้างอิงหรือไม่วันนี้เวลบีมีคำอธิบายความเชื่อต่างๆ กับความจริงตามหลักวิทยาศาสตร์มาฝากค่ะ แล้วจะได้รู้ไปเลยว่าความจริงคืออะไร สิ่งไหนควรทำไม่ควรทำ พร้อมแล้วก็ไปดูกันเล้ยยย   ความเชื่อที่ 1 : ทาดอกอัญชัญแล้วผมจะดกคิ้วจะหนา เป็นความเชื่อที่ได้ยินมานานมากนะคะ และหลายๆบ้านก็ทำตามความเชื่อนี้ ซึ่งจากงานวิจัยจะพบว่าในดอกอัญชัญจะมีสารที่ชื่อว่า แอนโทไซยานิน โดยสารนี้จะพบในพืชสีม่วง หรือแดง ซึ่งจะเป็นสารที่ต้านอนุมูลอิสระ โดยงานวิจัยชี้ว่า มีส่วนช่วยในการชะลอผมหงอก กระตุ้นให้เส้นผมดกดำ ซึ่งความเชื่อนี้ถือว่าสอดคล้องกับงานวิจัย แต่คุณแม่อาจจะต้องระวังเรื่องของภูมิแพ้ในเด็กบางคน และระวังไม่ให้เข้าตาลูกค่ะ   ความเชื่อที่ 2 : บีบดั้งลูกบ่อยๆ จมูกจะได้โด่งๆ ความเชื่อเรื่องบีบจมูก ก็เป็นอีกความเชื่อที่หลายๆ บ้านได้ยิน และทำตามๆ กันนะคะ ก็แหม่ ใครๆ ก็อยากให้ลูกดั้งโด่ง จะได้หล่อๆ สวยๆ แต่ความจริงแล้วการบีบจมูกไม่ได้มีส่วนช่วยใดๆ นะคะ มิหนำซ้ำจะทำให้จมูกคุณลูกอักเสบอีกด้วย ฉะนั้นแล้วให้ลูกน้อยได้เติบโตอย่างธรรมชาติ ยอมรับความสวยงามจากในแบบฉบับตน และความงดงามจากภายในนะคะ   ความเชื่อที่ 3…

10 ไอเดียของขวัญ สำหรับคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่

สำหรับใครที่มีคนใกล้ตัวที่กำลังตั้งครรภ์ หรือใกล้จะคลอดลูก สิ่งที่ทำให้คิดไม่ตกอีกอย่างนึงก็คือการเลือกของขวัญสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ มือใหม่ ที่อยากจะให้เป็นการยินดี แต่ความยากอยู่ตรงที่ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี ซื้อไปแล้วจะใช้ได้ไหมเพราะเด็กอาจจะแพ้หรือซื้อแล้วขนาดไม่พอดี จะซื้อซ้ำกับของที่เค้ามีอยู่ไหมเพราะจริงๆแล้ว เกือบทุกครอบครัวมักจะมีการเตรียมของไว้ก่อนคลอดเกือบหมดแล้ว วันนี้เวลบีเลยจะมาแนะนำ ไอเดียของขวัญที่(อาจจะ) คาดไม่ถึง แต่ถ้าซื้อไปให้รับรองได้ใช้และประทับใจคนรับอย่างแน่นอน มีอะไรกันบ้าง ไปดูกันได้เลยค่ะ         1. กล้องวงจรปิด บางครั้งคุณพ่อ หรือคุณแม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน หรือตอนลูกนอนก็ต้องเดินไปทำธุระอีกห้อง การมีกล้องวงจรปิดไว้ดูลูกให้หายคิดถึง หรือคอยดูความเรียบร้อยก็จะช่วยให้มีเวลามากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มักนึกไม่ถึง หรือคิดว่ายังไม่ได้ใช้ในช่วงแรก แต่ถ้าหากมีไว้ รับรองได้ใช้ชัวร์       2. USB ใส่ Playlist เพลง ลำพังแค่เลี้ยงลูกน้อยก็วุ่นทั้งวันแล้ว แทนที่จะปล่อยให้คุณพ่อ คุณแม่มือใหม่มานั่งเลือกเพลงเอง เราก็ทำเป็น playlist ใส่ลงใน USB ไปให้สะเลย จะแยกเป็นเพลงกล่อมนอน เพลงเสริมพัฒนาการ หรือเพลงผ่อนคลายคุณพ่อคุณแม่ก็ยังได้ เวลาฟังรับรองต้องนึกถึงหน้าคนให้แน่ๆ       3.…

ท่านอนแสนสบายสาหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

ว่ากันว่าช่วงตั้งครรภ์เนี่ยเป็นช่วงที่คุณแม่หลายคนจะมีเรื่องให้วิตกกังวลกันอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกินแล้ว การนอนก็ยังถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะไม่รู้ว่าจะนอนจะนั่งท่าไหนถึงจะส่งผลดีกับลูกในท้อง หรือจะทำให้คุณแม่รู้สึกไม่เจ็บปวด วันนี้เวลบีขอนำเทคนิคเล็กๆ  น้อยๆ เกี่ยวกับท่านอนแสนสบายสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์มาฝากค่ะ ท่านอนสำหรับคุณแม่ท้องอ่อน คุณแม่ที่มีอายุครรภ์อยู่ในช่วงไม่เกิน 4 เดือน หรือ 16 สัปดาห์ ถือเป็นช่วงที่ท้องอ่อนๆ ท้องยังไม่โตมากนั่ง ส่วนมากก็จะเลือกนอนหรือลุกนั่งตามปกติ บางคนอาจจะยังไม่มีอาการเจ็บปวดใด แต่สำหรับบางคนอาจจะเริ่มรู้สึกตึงๆ ช่วงปีกมดลูกได้ ซึ่งในช่วงอายุครรภ์เท่านี้นั้นน้ำหนักของทารกและน้ำคร่ำรวมๆ กันก็น่าจะหนักขึ้นเป็นกิโลๆแล้ว หากคุณแม่นอนตะแคงทั้งคืนก็คงจะทำให้รู้สึกเสียดหรือตึงปีกมดลูกอีกฝั่งนึงได้ เช่น นอนตะแคงซ้ายจะเจ็บปีกมดลูกขวา ฉะนั้นแล้วในช่วงอายุครรภ์อ่อนๆ นี้ คุณแม่สามารถนอนหงายได้ โดยจะเป็นท่าที่ทำให้รู้สึกสบายที่สุดสำหรับช่วงนี้ค่ะ ท่านอนสำหรับคุณแม่ท้องแก่ คุณแม่ที่มีอายุครรภ์ในช่วง 16 สัปดาห์ขึ้นไป จะเป็นช่วงที่ท้องเริ่มโต ทารกเริ่มมีพัฒนาการ มีการขยายขนาดตัว ซึ่งรวมกับน้ำคร่ำแล้วก็จะมีน้ำหนักพอสมควร การนอนหงายในช่วงท้องแก่ๆ นี้ จะทำให้น้ำหนักของทารกไปกดทับเส้นเลือดใหญ่ที่อยู่บริเวณด้านหลังซึ่งจะขวางทางไหลเวียนโลหิต ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ได้น้อย อาจทำให้รู้สึกเพลียหรือหนักถึงจึ้นหน้ามืด เป็นลม จนเกิดอันตรายได้ โดยท่านอนแสนสบายของคุณแม่ในช่วงนี้คือการนอนตะแคงและยกขาให้สูง พยายามดื่มน้ำให้มากๆ ก็จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นค่ะ ท่านอนที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ จะสังเกตว่าท่านอนที่เหมาะสมของคุณแม่ไม่ว่าจะเป็นช่วงท้องอ่อนๆ หรือท้องแก่ จะเป็นการนอนตะแคงหรือนอนหงาย โดยไม่ควรที่จะนอนคว่ำ ซึ่งการนอนคว่ำจะเป็นการกดทับน้ำหนักของทารกด้วยน้ำหนักตัวของคุณแม่จนอาจเกิดอันตรายต่อตัวทารก…

คุณแม่มือใหม่ต้องรู้ !! คลอดลูกทั้งทีแบบไหนดีเหมาะกับเรา

สำหรับคุณแม่มือใหม่นอกจากการเตรียมตัวตั้งครรภ์ ดูแลครรภ์ตลอด 9 เดือน อีกหนึ่งช่วงสำคัญที่ต้องเตรียมตัวไม่แพ้กันนั่นก็คือ “การทำคลอด” ซึ่งถือเป็นช่วงที่คุณแม่มีความกังวลกันอย่างมาก ทั้งเรื่องความเจ็บ ความปลอดภัย และยังส่งผลต่อสุขภาพหลังคลอดของทั้งคุณแม่และคุณลูก ยิ่งหาข้อมูลก็ยิ่งกังวล สับสน ไหนจะข้อมูลทางการแพทย์ คำบอกเล่าจากคุณแม่ท่านอื่น ๆ ความเชื่อแต่โบราณว่ากันมา เวลบีเลยรวบรวมข้อมูลและสรุปข้อดี ข้อเสีย ให้เข้าใจได้ง่ายเพื่อให้คุณแม่นำไปประกอบการตัดสินใจแต่ไม่ว่าวิธีไหน เวลบีแนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะดีที่สุดนะคะ ข้อดีของการคลอดแต่ละแบบ วิธีการคลอดที่เรารู้จักกันทั่วไปจะมีอยู่ 2 วิธี ได้แก้ วิธีผ่าคลอด และ วิธีคลอดโดยผ่านช่องคลอด ซึ่งจะแบ่งเป็นคลอดแบบปกติ กับ คลอดในน้ำ  โดยแต่ละวิธีนั้นมีข้อดีแตกต่างกันไป ดังนี้ การผ่าคลอด ไม่ต้องรอเจ็บท้องนาน ไม่เสี่ยงภาวะแทรกซ้อนระหว่างรอคลอด ไม่เจ็บระหว่างทำคลอด สามารถกำหนดวันเวลาคลอดได้ หากสภาวะครรภ์มีความเสี่ยงจะช่วยให้ปลอดภัยได้ดีกว่าคลอดแบบธรรมชาติ สามารถทาหมันได้เลย การคลอดธรรมชาติ แบบ คลอดปกติ ร่างกายฟื้นตัวเร็ว เสียเลือดน้อยกว่าผ่าคลอด หลังคลอดมดลูกหดตัวเล็กลง ไม่มีแผลผ่าตัด และแผลที่มดลูก หุ่นเข้าที่เร็วกว่าผ่าคลอด ทารกมีภูมิคุ้มกันที่ดีจากแบคทีเรียชนิดดีในช่องคลอด ทารกได้รับการบีบของเหลวออกจากปอดขณะคลอด การคลอดธรรมชาติ แบบ คลอดในน้ำ ร่างกายฟื้นตัวเร็ว น้ำอุ่นเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายและลดความเจ็บปวด การเตรียมความพร้อมให้คุณแม่อาจไม่ต้องใช้ยาแก้ปวดหรือยาชา ช่วยเร่งให้คลอดได้ไวและง่ายขึ้น น้ำอุ่นช่วยให้กระบวนการไหลเวียนของเลือดในมดลูกดีขึ้น ลดโอกาสการเกิดแผลฉีกขาดรุนแรงของปากมดลูก ข้อเสียของการคลอดแต่ละแบบ เมื่อมีข้อดี…

อัลตราซาวด์ (Ultrasound) กี่มิติ ถึงดี ??

กลับมาพบกันอีกครั้งกับ #เวลบีมีสาระ จ้า วันนี้ขอนำเสนอเทคโนโลยีสำคัญสำหรับคนตั้งครรภ์ นั่นก็คือ “การตรวจอัลตราซาวด์” จ้า การตรวจ อัลตราซาวด์ (Ultrasound) มีความสำคัญมากๆ สำหรับการตั้งครรภ์ เพราะการตรวจจะบอกพัฒนาการต่างๆ ของลูกน้อย โดยในปัจจุบันนี้การตรวจอัลตราซาวด์มีหลายแบบมากๆ 2 มิติ เอย 3 มิติเอย แม้กระทั่ง 4 มิติก็มีแล้วจ้าา วันนี้เวลบีเลยรวบรวมข้อมูลของการตรวจแต่ละแบบ มาฝากทุกคนกันจ้า รวมถึงราคาของแต่ละแบบด้วยจ้าา จะเป็นยังไง ไปดูกันเลยยยย อัลตราซาวด์ คืออะไร ใครรู้บ้าง ?? อัลตราซาวด์ (Ultrasound) หรือ การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง เป็นเครื่องมือที่รู้จักกันมากที่สุดสำหรับการตรวจหา หรือ ตรวจการเจริญเติบโตของทารกให้ครรภ์ของคุณแม่ ซึ่งการอัลตราซาวด์นี้ถือเป็นการตรวจทางการแพทย์ที่ไม่อันตราย โดยจะเป็นการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงมากกว่า 20,000 Hz จากหัวตรวจ (Transdneer) คลื่นเสียงจะกระทบกับเนื้อเยื่อต่างๆ ซึ่งมีความสามารถในการผ่านและสะท้อนกลับไม่เท่ากัน หัวตรวจจะทำหน้าที่รับสัญญาณคลื่นเสียงที่สะท้อนกลับระดับต่างๆ ซึ่งบ่งถึงความหนาแน่น และระดับความลึกของเนื้อเยื่อนั้นจากนั้น จะนำสัญญาณที่ได้รับมาประมวลผลและสร้างเป็นภาพขึ้นมา อัลตราซาวด์ 2 มิติ ในสมัยก่อนเครื่องอัลตราซาวด์…

10 ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ ที่คุณแม่ต้องรู้ !!!

เมื่อคุณแม่เริ่มตั้งครรภ์แน่นอนว่าทุกคนก็อยากให้การตั้งครรภ์และการคลอดปลอดภัย สมบูรณ์ทั้งคุณแม่ คุณลูก แต่การตั้งครรภ์ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายครั้งยิ่งใหญ่ ทำให้มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นมาได้ วันนี้เวลบีเลยนำข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเสี่ยงที่พบบ่อยๆในระหว่างตั้งครรภ์มาให้คุณแม่ได้รู้จัก เป็นข้อมูลเบื้องต้นกันก่อนนะคะ ท้องนอกมดลูก การท้องนอกมดลูกคือภาวะที่ไข่ที่ได้รับการผสมกับอสุจิแล้วไปฝังอยู่นอกมดลูก พบบ่อยที่สุดคือท้องในท่อนำไข่ ซึ่งเมื่อเด็กโตไปได้ระยะหนึ่งก็มักจะเสียชีวิต อาการนี้จะพบได้บ่อยๆในคนที่เคยมีประวัติปีกมดลูกอักเสบ หรือเคยทำแท้งมาก่อน ภาวะรกเกาะต่ำ ปกติรกจะเกาะที่ยอดมดลูก แต่บางรายรกเกาะต่ำลงมาที่ปากมดลูก จึงขวางทำให้เด็กเคลื่อนลงมาไม่ได้ และถ้าเด็กตัวใหญ่ขึ้น รกที่เกาะอยู่แผ่นใหญ่ขึ้น พอขยายตัวอาจทำให้เกิดรอยเผยอระหว่างตัวรกกับปากมดลูกได้ ทำให้คุณแม่มีเลือดออก ถ้าเลือดออกมากๆ อาจทำให้เด็กและแม่เสียชีวิตได้ ส่วนมากมักเจอในแม่ที่มีลูกมากๆ เคยคลอดลูกหลายๆ คน หรือว่าเคยขูดมดลูกมาก่อน แท้งบุตร การแท้งบุตร คือการตั้งครรภ์นั้นจำเป็นต้องยุติหรือสิ้นสุดลงก่อนเวลาอันควร ซึ่งถ้ายุติในช่วงเวลานี้ส่วนมากเด็กจะไม่สามารถมีชีวิตได้เพราะว่าตัวเล็กเกินไป การแท้งมีอยู่ 2 ประการคือ แท้งเอง กับตั้งใจทำแท้ง การแท้งเองอาจเกิดจากไข่ที่ไม่สมบูรณ์ หรือว่าแม่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน โรคเลือดบางชนิด ก็ทำให้แท้งได้ บางรายก็หาสาเหตุชัดๆ ไม่ได้ เช่น อาจจะเกิดจากภาวะเครียด อดนอน ทำงานหนัก ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ตามธรรมชาติรกจะเกาะที่ยอดมดลูก เมื่อเด็กคลอด รกถึงจะหลุดจากมดลูกคลอดตามออกมาด้วย แต่บางรายรกที่เกาะมดลูกอยู่หลุดออกมาก่อน โดยที่เด็กยังไม่คลอด เมื่อรกหลุดทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงเด็กที่เคยผ่านรกขาดไปทันที หากช่วยไม่ทันจะทำให้เด็กเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในท้องได้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากอุบัติเหตุ เช่น ถูกกระแทกที่หน้าท้อง…

ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์สำคัญฉไน??

การวางแผนการตั้งครรภ์ เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถคิดได้ล่วงหน้า โดยเริ่มตั้งแต่การตรวจสุขภาพของทั้งสองฝ่ายก่อนตั้งครรภ์ ซึ่งเวลบีแนะนำว่าควรตรวจร่างกายก่อนการตั้งครรภ์สัก 3 เดือน เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ  หากคุณพ่อคุณแม่แข็งแรงและมีสุขภาพดี ก็ย่อมมีโอกาสคลอดลูกที่แข็งแรงและมีสุขภาพดีเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันก็มีแพคเกจทั้งจากโรงพยาบาลและคลินิกออกมาให้เลือกมากมาย แต่คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมคะ ว่าเราควรตรวจอะไรบ้าง แต่ละอย่างตรวจไปทำไม วันนี้เวลบีจะมาคลายความสงสัยให้ทุกคนกันค่ะ การซักประวัติ จะเป็นการสอบถามทั่วไป หรือสอบถามถึงปัญหาในปัจจุบัน ซึ่งคุณแม่ที่วางแผนจะตั้งครรภ์ควรสังเกตุสิ่งต่างๆเพื่อเป็นข้อมูลเวลาไปพบแพทย์นะคะ ซึ่งสิ่งที่หมอจะซักถาม ได้แก่ ประวัติการคุมกำเนิดการใช้ยาคุมกำเนิด ประวัติการตรวจมะเร็งปากมดลูก ความผิดปกติเกี่ยวกับรอบประจำเดือน  ซึ่งคุณแม่ที่วางแผนจะมีบุตรควรเริ่มจดบันทึกและสังเกตุอาการเหล่านี้ไว้จะช่วยทำให้เราทราบอายุครรภ์และวันคลอดได้ครับ ประวัติการเจ็บป่วยการรับประทานยา โรคประจำตัว รวมถึงการผ่าตัด การให้เลือด รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการอักเสบของช่องคลอด และผลการตรวจภายใน ประวัติทางสูติกรรมแพทย์จะสอบถามว่า เคยตั้งครรภ์มาก่อนหรือไม่ จำนวนการตั้งครรภ์ ความผิดปกติของการตั้งครรภ์ เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก ครรภ์เป็นพิษ เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ การคลอดก่อนกำหนด การผ่าตัดทำคลอด การตั้งครรภ์แฝด การแท้งบุตร หรือให้กำเนิดเด็กพิการ คุณแม่ต้องเตรียมข้อมูลให้พร้อม รวมถึงประวัติการรับประทานกรดโฟลิกด้วยครับ เพราะแพทย์จะได้วางแผนการดูแลคุณแม่ได้อย่างถูกต้อง ประวัติการฉีดวัคซีนเคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่อาจจะติดต่อไปยังทารกหรือไม่ เช่น โรคหัดเยอรมัน ไวรัสตับอักเสบ ไข้สุกใส บาดทะยัก ฯลฯ ประวัติทางครอบครัวเป็นการสอบถามว่า…

ฤกษ์คลอดสุดปัง ประจำเดือน
ตุลาคม – ธันวาคม 2018

เรื่องสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ทุกคน ก็คงหนีไม่พ้น การหาฤกษ์คลอดสำหรับเจ้าหนูนั่นเอง คนสมัยโบราณนั้น เชื่อกันว่า ฤกษ์คลอดที่ดี ก็เปรียบเสมือนหนึ่งเครื่องมือในการทำนายดวงชะตาของเจ้าหนูอีกด้วย (ความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ อิอิ) ไปดูกันดีกว่าค่ะ ว่าในช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2018 นี้ วันไหนเป็นวันดี สำหรับให้เจ้าหนูออกมาเจอโลกภายนอกบ้างง ฤกษ์คลอดมีกี่แบบ แล้วแต่ละแบบมีความหมายเป็นอย่างไรบ้าง ? ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อน ว่าฤกษ์คลอดมีกี่แบบ แล้วแต่ละแบบมีความหมายเป็นอย่างไรบ้างง มหัทธโนฤกษ์ : เด็กที่ได้เกิดวันนี้จะเป็นคนที่มีทรัพย์สินเงินทองสมบูรณ์ ตลอดชีวิตจะไม่ขาดเงิน ไม่เดือดร้อน เด่นด้านการเงิน เป็นดวงเศรษฐี ภูมิปาโลฤกษ์ :  เด็กที่ได้เกิดวันนี้จะเป็นคนมีความสามารถสูง มีทรัพย์สินเงินทองดี เป็นใหญ่เป็นโต งานที่เหมาะสมหรือเกี่ยวข้องกับที่ดิน ได้เป็นนักปราชญ์หรือรับราชการ ราชาฤกษ์ : เด็กที่ได้เกิดวันนี้จะเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำอยู่เต็มตัว ชอบออกคำสั่ง ชอบทำอะไรใหญ่ ๆ โต ๆ ไม่ว่าจะทำงานด้านใด ก็จะได้เป็นหัวหน้าหรือนายงาน สมโณฤกษ์ : เด็กที่ได้เกิดวันนี้จะเป็นคนจิตใจดี ชอบอยู่กับความสงบ รักธรรมชาติ สนใจในศาสนา มีธรรมะในจิตใจ เหมาะที่จะเป็น นักบวช ครูบาอาจารย์…

อาการแพ้ท้อง และวิธีแก้ ที่คุณแม่มือใหม่ต้องรู้

สวัสดีคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านนะคะ เวลบีขอนำสาระดีๆ มาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกๆท่านค่ะ โดยเฉพาะคุณแม่ที่กำลังตั้งท้องอยู่คงตื่นเต้นไม่น้อยใช่มั้ยคะที่กำลังจะได้เห็นหน้าลูก ซึ่งระหว่างนี้ที่ลูกอยู่ในท้องเนี่ย ก็อาจจะทำให้คุณแม่หลายท่านมีอาการแพ้ท้องที่คอยทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและกังวัลใช่มั้ยคะ วันนี้เวลบีได้รวบรวมอาการแพ้ท้องที่สามารถพบได้บ่อยๆ ของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ พร้อมทั้งวิธีการรับมือและแก้ไขที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรศึกษาไว้เลยค่ะ อาการแพ้ท้อง (Morning sickness) เป็นอาการที่เกิดขึ้นกว่า 80% ของคุณแม่ช่วงตั้งครรภ์ สาเหตุหลักๆ เกิดจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนเอชซีจีที่รกสร้างสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเวียนหัว คลื่นไส้หรืออาการผิดปกติต่างๆ ซึ่งจะพบได้ในช่วงอายุครรภ์ตั้งแต่สามเดือนขึ้นไป นอกจากนี้อาการแพ้ท้องยังเกิดจากสาเหตุอื่นๆ การต่อต้านสิ่งแปลกปลอมของร่างกายจากการเพิ่มระดับฮอร์โมน ภาวะความเครียดและความอ่อนไหวทางอารมณ์ของคุณแม่ก็มีส่วนต่อการแพ้ท้องของคุณแม่ด้วยค่ะ ซึ่งคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เป็นครั้งแรก คุณแม่อายุน้อยกว่า 20 ปี และคุณแม่ที่น้ำหนักตัวมากก็มีโอกาสแพ้ท้องมากขึ้นอีกด้วย อาการแพ้ท้องที่พบได้บ่อย อาการแพ้ท้องของแต่ละคนอาจมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเวลบีได้รวบรวมอาการแพ้ท้องที่พบได้บ่อยในช่วงตั้งครรภ์ของคุณแม่มาไว้ให้อ่านค่ะ รู้สึกไวต่อกลิ่น : เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ระบบประสาทอัตโนมัติไม่มั่นคง อาจทำให้รู้สึกเหม็น หรือไม่ชอบกลิ่นต่างๆ ขึ้นมาได้ อาทิเช่น กลิ่นอาหาร กลิ่นตัวของคุณพ่อ เป็นต้น มีอาการอ่อนเพลีย : เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มสูงขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว มีการเผาไหม้ของอาหารเพื่อทารกมากขึ้น ทำให้สูญเสียพลังงานมาก จึงทำให้คุณแม่รู้สึกอ่อนเพลียได้ค่ะ รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน : เป็นอาการแพ้ท้องที่พบได้บ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่อาจรู้สึกอึดอัดหน้าอก หรือท้องจนอยากจะอาเจียนออกมา ปวดแสบลิ้นปี่…