สำหรับคุณแม่มือใหม่นอกจากการเตรียมตัวตั้งครรภ์ ดูแลครรภ์ตลอด 9 เดือน อีกหนึ่งช่วงสำคัญที่ต้องเตรียมตัวไม่แพ้กันนั่นก็คือ “การทำคลอด” ซึ่งถือเป็นช่วงที่คุณแม่มีความกังวลกันอย่างมาก ทั้งเรื่องความเจ็บ ความปลอดภัย และยังส่งผลต่อสุขภาพหลังคลอดของทั้งคุณแม่และคุณลูก ยิ่งหาข้อมูลก็ยิ่งกังวล สับสน ไหนจะข้อมูลทางการแพทย์ คำบอกเล่าจากคุณแม่ท่านอื่น ๆ ความเชื่อแต่โบราณว่ากันมา เวลบีเลยรวบรวมข้อมูลและสรุปข้อดี ข้อเสีย ให้เข้าใจได้ง่ายเพื่อให้คุณแม่นำไปประกอบการตัดสินใจแต่ไม่ว่าวิธีไหน เวลบีแนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะดีที่สุดนะคะ
ข้อดีของการคลอดแต่ละแบบ
วิธีการคลอดที่เรารู้จักกัน
การผ่าคลอด
- ไม่ต้องรอเจ็บท้องนาน
- ไม่เสี่ยงภาวะแทรกซ้อนระหว่างรอคลอด
- ไม่เจ็บระหว่างทำคลอด
- สามารถกำหนดวันเวลาคลอดได้
- หากสภาวะครรภ์มีความเสี่ยงจะช่วยให้ปลอดภัยได้ดีกว่าคลอดแบบธรรมชาติ
- สามารถทาหมันได้เลย
การคลอดธรรมชาติ แบบ คลอดปกติ
- ร่างกายฟื้นตัวเร็ว
- เสียเลือดน้อยกว่าผ่าคลอด
- หลังคลอดมดลูกหดตัวเล็กลง
- ไม่มีแผลผ่าตัด และแผลที่มดลูก
- หุ่นเข้าที่เร็วกว่าผ่าคลอด
- ทารกมีภูมิคุ้มกันที่ดีจากแบคทีเรียชนิดดีในช่องคลอด
- ทารกได้รับการบีบของเหลวออกจากปอดขณะคลอด
การคลอดธรรมชาติ แบบ คลอดในน้ำ
- ร่างกายฟื้นตัวเร็ว
- น้ำอุ่นเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายและลดความเจ็บปวด
- การเตรียมความพร้อมให้คุณแม่อาจไม่ต้องใช้ยาแก้ปวดหรือยาชา
- ช่วยเร่งให้คลอดได้ไวและง่ายขึ้น
- น้ำอุ่นช่วยให้กระบวนการไหลเวียนของเลือดในมดลูกดีขึ้น
- ลดโอกาสการเกิดแผลฉีกขาดรุนแรงของปากมดลูก
ข้อเสียของการคลอดแต่ละแบบ
เมื่อมีข้อดี ย่อมมีข้อเสียแน่นอนค่ะ ซึ่งการคลอดแต่ละรูปแบบมีข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้
การผ่าคลอด
- ความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนจากการดมยาสลบหรือ บล็อคหลังสูง
- ฟื้นตัวช้าแผลผ่าหายช้า
- เกิดรอยแผลเป็นที่หน้าท้องจากการผ่า
- เกิดแผลที่มดลกู ทาให้เสี่ยงในการตงั้ครรภ์ครั้งต่อ ไป
- เสียเลือดมากกว่าคลอดเอง
- อาจเกิดภาวะหนาวสั่นหลังคลอด
- หากท้องแรกผ่าแล้วการท้องครั้งต่อไปต้องผ่าเท่านั้น
การคลอดธรรมชาติ แบบ คลอดปกติ
- ระหว่างคลอดและรอคลอดอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ทำให้ต้องผ่าคลอดฉกุเฉิน
- ต้องทนเจ็บนานกว่าจะคลอด
- มีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อในช่องคลอด
- กำหนดวันเวลาคลอดไม่ได้
การคลอดธรรมชาติ แบบ คลอดในน้ำ
- เสี่ยงตอ่การติดเชื้อหากนำ้และอ่างน้ำไม่ได้รับการฆ่าเชื้อที่เหมาะสม
- หากควบคมุอณุหภูมิไม่ดีอาจเกิดภาวะที่เป็นอันตรายตามมา
- หากสายสะดือสั้นอาจเกิดการฉีกขาดได้ และอาจทำให้เกิดการเสียเลือดในปริมาณมาก
คลอดแบบไหนเหมาะกับใครบ้าง ?
การผ่าคลอด
เหมาะสำหรับคณุแม่ที่ภาวะครรภ์ไม่ปกติหรือไม่สามารถคลอดเองได้ “จำเป็น” ต้องผ่าคลอด ด้วยข้อบ่งชี้ทางสูติศาสตร์ เช่น เด็กท่าก้น เด็กตัวโต อุ้งเชิงกราน มารดาแคบ ทารกมีความพิการที่ไม่สามารถคลอดเองได้ ปากมดลูกไม่เปิดหรือเปิดช้า หรือทารกมีภาวะหัวใจเต้นช้า เป็นต้น
การคลอดธรรมชาติ แบบ คลอดปกติ
เหมาะสาหรับคุณแม่ที่ร่างกายแข็งแรง และมีภาวะครรภ์ปกติ
การคลอดธรรมชาติ แบบ คลอดในน้ำ
ไม่เหมาะกับคุณแม่ที่เป็นโรคติดต่อ ติดเชื้อ ความดันสูง ครรภ์เป็นพิษตั้งครรภ์ลูกแฝดมีประวัติคลอดยากหรือคลอดก่อนกำหนด รวมไปถึงทารกที่มีน้ำหนักตัววมาก ตัวใหญ่และไม่อยู่ในท่าคลอดปกติ
ค่าใช้จ่ายในการคลอดแต่ละแบบ
การผ่าคลอด
ค่าใช้จ่ายในการผ่าคลอดจะคอ่นข้างสูงและไม่สามารถประเมิณค่าใช้จ่ายที่แน่นอนได้
- โรงพยาบาลรัฐ เริ่มต้นที่ 10,000 บาท ++
- โรงพยาบาลเอกชน เริ่มต้นที่ 40,000 บาท ++
การคลอดธรรมชาติ แบบ คลอดปกติ
ค่าใช้จ่ายในการคลอดธรรมชาติแบบปกติจะมีค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก สามารถประเมินค่าใช้จ่ายได้ก่อนคลอด
- โรงพยาบาลรัฐ เริ่มต้นที่ 5,000 บาท ++
- โรงพยาบาลเอกชน เริ่มต้นที่ 30,000 บาท ++
การคลอดธรรมชาติ แบบ คลอดในน้ำ
การคลอดลูกในน้ำในเมืองไทยมีที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ค่าใช้จ่ายประมาณ 89,900 บาท